พัฒนาระบบงานด้วย CMS

เรียนรู้ระบบงาน CMS เพื่อนำไปประยุกต์ใช้งานในองค์กร.

ชนะเหนือคู่แข่งด้วยการทำ Internet Marketing

เรียนรู้และพัฒนาระบบ marketing เพื่อเพิ่มยอดขายถล่มทลาย.

เพิ่มประสิทธิภาพของงานด้วย Microsoft Office

เรียนรู้และพัฒนาระบบงานเอกสารแบบไร้ปัญหา.

วางระบบเครือข่ายอย่างไรให้เสถียร

เรียนรู้เทคนิคการออกแบบระบบเครือข่าย Network ให้มีประสิทธิภาพ.

ปฏิบัติการลีนุกซ์ ของฟรีที่ ทน อึด เสถียร

เรียนรู้การพัฒนาระบบปฏิบัติการเพื่อพัฒนาระบบงานภายในองค์กร.

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ข้อดีของระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ ( Linux Server )


ข้อดีและข้อจำกัดของ LINUX SERVER
ข้อดีของการใช้ LINUX
ไม่มี Virus
ไม่ทำให้เครื่องช้าลงหลังจากเล่นไปนานๆ
ไม่ Hank หรือ Crashes เปิดใช้งานได้เป็นเดือนๆโดยไม่ต้อง Reboot จึงเหมาะกับงาน Server
Boot เร็ว ทำงานได้เร็วกว่าเพราะ Linux เล็กกว่า จึงไม่ทำต้องรอคอยนาฬิกาทรายเท่าการใช้งาน Windows
Install ง่ายและเร็ว Intall ครั้งเดียวได้ทั้ง OS และ Application พื้นฐานที่จำเป็น นอกจากนั้นยังสามารถติดตั้งแบบคู่กับ Windows คือใช้ได้ทั้งสองระบบในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันได้ สำหรับการทดลองใช้ช่วงแรกก็สามารถเล่น Linux จาก CD หรือ USB Drive ได้โดยไม่ต้อง Install
หาโปรแกรมใช้งานได้ง่ายไม่ซื้อ CD เพียงแต่เลือกจาก List ที่มี โปรแกรมจะถูก Download และติดตั้งให้อัตโนมัติ การ Uninstall ก็เพียงแต่คลิกออก ไม่ต้องกลัวจะเหลือ Register หรือ Signature ค้างอยู่ในเครื่อง
Automatic Upgrade OS และ Application Software
ฟรีทั้ง OS และ Application ทำให้แบ่งปันให้ผู้อื่นได้ โดยไม่ต้องกลัวเรื่องลิกขสิทธิ์
ทำงานในเครื่องคอมพิวเตอร์เก่าๆได้ ไม่ต้อง upgrade
ไม่ต้องทำ Disk Defragment เพราะการออกแบบ Disk Structrure ที่ดีกว่า Windows
มี Community ที่คอยช่วยเหลือ หรือให้คำปรึกษาการใช้งาน
ปรับแต่งระบบได้ตามความต้องการ ไม่ปิดบังโครงสร้าง
สำหรับผมแล้วการใช้ Linux ทำให้ภูมิใจที่ไม่ต้องโขมย ถึงคุณจะซื้อ OS ของ Windows แต่ Application หลายๆตัวที่ใช้ก็อาจต้องโขมยใช้ แต่สำหรับ Linux แล้ว มี Free Application สำหรับทุกงานที่ต้องการ
หากคุณคิดจำทำเว็บด้วย LAMP Technology แล้ว Desktop ของ Linux ทำให้คุณเข้าใจ Linux Server ได้ดีขึ้น
Application Software ของ Windows บางตัวสามารถทำงานภายใต้ Linux โดยใช้ Wine Application แต่ผมนิยมใช้โปรแกรมของ Linux ที่ทำงานได้เหมือนกับ Windows Application นั้นๆมากกว่าเพราะมันจะ Stable กว่า
Multi user และ Multi task Feature ของ Linux ได้ออกแบบมาอย่างดี เพราะอาศับหลักการของ Unix ซึ่งเป็น OS ระดับ World Class OS ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ระดับใหญ่
User interface ของ Linux บางตัวก็ไม่เลว เช่น Gnomen มี Multiple Desktop ซึ่งดีและสะดวกสำหรับคนชอบทำงานหลายๆด้านพร้อมๆกัน
ข้อจำกัดของการใช้ LINUX
คุณต้องมีเวลาและให้ความสนใจในการศึกษา Linux เพราะมันต่างกับ Windows ที่คุณเคยใช้มา และการใช้ Linux ทำให้คุณต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ เพราะงานหลายๆอย่างต้องใช้ Command Line ซึ่งต้องจำๆ ไม่ใช่ Point and Click แบบ Windows
Linux มีโปรแกรมใช้งานทุกๆด้านที่จำเป็น แต่ก็มีน้อยกว่า Windows และอาจไม่เก่งหรือใช้ง่ายเท่าโปรแกรมบน Windows บางตัวของ Linux ก็ดีกว่า Windows เช่น Zim (Note Taking software) แต่ Software ดีๆของ Linux หลายตัวก็มีการ Port เพื่อใช้ใน Windows เช่น Firefox, Open Office
สำหรับ eBanking และตลาดหุ้นโดยมากยังใช้ IE และ ActiveX ของ Microsoft ทำให้ใช้ Linux ไม่ได้
Linux อาศัย Internet ในการ Installl Application และ Upgrade แม้แต่ Dictionary ก็ใช้ Internet Lookup เวลาติดขัดหรือเกิดปัญหาการใช้งาน ก็ต้องอาศัย Internet ในการหาคำตอบ การใช้ Linux ควรจะมี Internet Connection.
Driver สำหรับ Hardware ใหม่ๆอาจไม่มีหรือไม่ดีเท่า Windows เนื่องจากผู้ผลิต Hardware มักจะไม่ทำ Linux Driver ต้องรอให้ Linux Community ทำขึ้นมาใช้เอง แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้นมาบ้างเพราะมีคนใช้ Linux มากขึ้น และบริษัทคอมพิวเตอร์หลายๆบริษัทก็ติดตั้ง Linux มาให้ตอนซื้อเครื่องใหม่
Linux มีผู้ให้บริการหลายเจ้ามาก หรือเรียกว่ามีหลาย Desktro การใช้งานก็ต่างกันบ้างในแง่ของ User interface และแก่น (Kernel) เหมือนกัน เวลาเลือก Software มาใช้ต้องดูว่ามันเข้ากันได้กับ Desktro ของเราหรือเปล่า สำหรับผมชอบ Ubuntu มากกว่าเพื่อน เพราะมี Functionality ดี แต่กิน Resource เยอะกว่า Linux ตัวอื่น บางคนเสียเวลาทดลอง Desktro แต่ละตัวเพื่อความมัน ซึ่งแต่ละตัวมีข้อดีข้อเสียต่างๆกันครับ

ระบบ Learning Management System (LMS)


Learning Management System (LMS)
LMS คือ ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านเครือข่าย มีเครื่องมือและส่วนประกอบที่สำคัญ สำหรับผู้สอน ผู้เรียนและผู้ดูแลระบบ ได้แก่ ระบบการจัดการรายวิชา ระบบการจัดการสร้างเนื้อหา ระบบบริหารจัดการผู้เรียน ระบบส่วนการจัดการข้อมูลบทเรียน และระบบเครื่องมือช่วยจัดการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์และจัดกระบวนการเรียนรู้ ได้แก่ การสื่อสาร Chat, E-mail, Web-board, การเข้าใช้ การเก็บข้อมูล, และการรายงานผล เป็นต้น

องค์ประกอบหลักของระบบ LMS มี 4 ระบบ ที่สำคัญ คือ

1. ระบบจัดการรายวิชา Course Management System (CMS) การสร้างรายวิชา จัดทำเนื้อหาบทเรียนรายวิชาจัดทำแหล่งค้นคว้าข้อมูล ทำกิจกรรมเสริม

2. ระบบบริหารจัดการข้อมูลผู้เรียน User Management System ระบบการเข้าใช้งานตรวจสอบการใช้งานรายละเอียดข้อมูลผู้ใช้

3. ระบบตรวจกิจกรรมและติดตามประเมินผล Test &Tracking Management System กิจกรรมแบบฝึกแบบทดสอบ การบ้าน ระบบทดสอบประเมินผลการเรียน

4. ระบบจัดการการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ Communication Management System เป็นส่วนส่งเสริมการเรียนให้มีการติดต่อสื่อสารกัน ทั้งระหว่างผู้สอน-ผู้สอน ผู้สอน-นักเรียน นักเรียน-นักเรียน ทั้งรูปแบบ online และ offline web-board E-mail Chat News Calendar เป็นต้น

การทำตลาดออนไลน์ (Online Marketing)


การทำตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ถือว่าเป็นแนวทางที่มาแรงมากในยุคนี้ทางบริษัทตัวแทนโฆษณาคือกลุ่มบริษัทไอไอเอ็มซีคอร์ปอเรชั่นจึงพิจารณากันใหม่โดยสร้างเป็นนวัตกรรมหนึ่งทางด้านการ ตลาดก็คือ จะแบ่งเป็น 2 แนวทางคือ

    1. การตลาดแบบ Offline Marketing คือ การสื่อสารการตลาดโดยใชเครื่องมือกลุ่มAbove the line และ กลุ่ม Below the line Activities กล่าวคือ กิจกรรมทางโฆษณา การตลาดและการขายที่มองเห็นไม่เกี่ยวกับอินเตอร์เนต จับต้องได้นั่นเอง
    2. การตลาดแบบ Online Marketing คือ การตลาดทีมีกิจกรรมบนไซเบอร์หรือระบบอินเตอร์เนตทั้งหมดนั่นเองไม่ว่า จะเป็นการซื้อการขาย การโฆษณาหรือการวางแผนการตลาดผ่านทางอินเตอร์เนต ซึงปัจจุบันจะมีความสำคัญมากและสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากทีเดียว ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
การทำตลาดออนไลน์
     วิธีการทำการตลาดบนโลกออนไลน์ องค์ประกอบต่างๆ ของการตลาดแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นสิ่งสำคัญ ที่ผู้ประกอบการซึ่งมีหน้าร้านบนโลกไซเบอร์แห่งนี้จะต้องทำความเข้าใจเป็น อย่างดี เพื่อจะได้จัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างเหมาะสม และเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
     ในช่วงเริ่มต้นนั้นการตลาดอาจเป็นเรื่องยากของผู้ประกอบการหน้าใหม่ รวมถึงผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจอยู่ แต่การศึกษาหาข้อมูล และการทำความเข้าใจในวิธีการการตลาดจะสามารถนำเอาข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพิ่ม เติมความเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ได้อย่างตรงกลุ่มเป้า หมาย การใช้อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือเชิงพาณิชย์นั้น สามารถช่วยให้ผู้ขายประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งในเรื่องของสินค้า พนักงานขาย และให้บริการได้ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง โดยเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีผู้ใช้ทั่วโลกกว่า 600 ล้านคนทำให้ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ ผู้ขายจะต้องศึกษาเรื่องของสินค้า, ช่องทางการประชาสัมพันธ์ ตลอดจนกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อให้การใช้สื่อประเภทนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด
     ดังนั้นการมีเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายสินค้าจึงไม่ใช่เครื่องรับประกันความสำเร็จทาง ธุรกิจ เพราะยังมีองค์ประกอบที่เป็นตัวแปรสำคัญ คือ“การตลาด” แต่เดิมนั้น หลายท่านอาจจะรู้จักส่วนผสมทางการตลาดเพียง 4 P คือ Product, Price, Place, Promotion แต่ปัจจุบันท่านต้องรู้จักกับอีก 2 P ใหม่คือ Personalization และ Privacy เพื่อให้เกิดแนวคิดประยุกต์ใช้องค์ประกอบการตลาดดั้งเดิม บวกกับความสามารถพิเศษของเทคโนโลยี ทำให้เกิดองค์ประกอบการตลาดแบบใหม่ได้
องค์ประกอบที่ 1 ผลิตภัณฑ์ (Product)
     แม้เว็บไซต์จะมีความสวยงาม แต่หากผลิตภัณฑ์ไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ความสวยงามหรือตื่นตาตื่นใจเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถที่จะสร้างรายได้ให้ กับธุรกิจได้ ดังนั้น ผู้ผลิตจึงควรที่จะมีการวิเคราะห์สินค้าว่ารูปแบบควรเป็นลักษณะใด การใช้ประโยชน์ของสินค้า และกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ซื้อ โดยเฉพาะการผลิตสินค้าที่ไม่มีขายทั่วไปในช่องทางปกติ เช่นผลิตภัณฑ์แปรรูปสมุนไพรจากเกษตร เช่น ปลาร้าก้อน, ปลาร้าผง, สมุนไพรเพื่อสุขภาพ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้สินค้านั้นเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อออนไลน์
     ปัญหาสำคัญของการซื้อขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ตคือ ลูกค้าไม่สามารถทดลองสินค้าได้ก่อน แม้ว่าสินค้านั้นจะดีจริง ลูกค้าส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าจากร้านที่เขาเคยได้ยินชื่อมาก่อน หรือมิฉะนั้น สินค้าจะต้องมีตรายี่ห้อ เพื่อจะได้มั่นใจในคุณภาพสินค้า และการสร้างความน่าเชื่อถือของร้านค้า ว่าจะไม่ทุจริต เพราะจำนวนเงินธุรกรรมที่ผู้บริโภคซื้อผ่านเว็บไซต์ บางครั้งก็ไม่คุ้มที่จะฟ้องร้องหากผู้ขายทุจริต นอกจากนั้น ผู้ขายจะต้องคำนึงถึงการจัดส่งสินค้าให้อยู่ในสภาพที่ดีด้วย
องค์ประกอบที่ 2 ราคา (Price)
      สินค้าไทยอาจมีราคาถูกเมื่อคำนวณในสกุลเงินต่างประเทศ แต่การขายสินค้าไปต่างประเทศในลักษณะผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค (B2C) นั้น ผู้ซื้อต้องชำระค่าขนส่ง และภาษีนำเข้าด้วย ซึ่งขณะนี้ค่าขนส่งสินค้า 1 กิโลกรัมไปอเมริกา โดยบริษัทขนส่งมีต้นทุนประมาณ 1,000 บาท ดังนั้น สินค้าเหล่านี้อาจจะมีราคาแพงกว่าที่ซื้อจากร้านในอเมริกาได้ ในระยะยาวแล้วต้นทุนการผลิตของไทยอาจสูงกว่าอินเดีย หรือจีน เพราะค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้นของไทย ทำให้ไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกด้วยการขายของถูกได้อีกต่อไป ดังนั้น ผู้ขายจึงควรเน้นการตั้งราคาให้เหมาะสมกับคุณภาพของสินค้า หมั่นตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่แข่งใกล้เคียง นอกจากนี้ ในการขายสินค้าบางชนิดเช่นเครื่องประดับที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา อาจทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูง เพราะมีการคำนวณน้ำหนักขั้นต่ำในการส่ง ผู้ขายจึงควรนำเสนอสินค้าเครื่องประดับเป็นชุด แทนที่จะแยกขายเป็นชิ้น ซึ่งเมื่อรวมราคาเป็นชุดแล้วจะทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกว่าราคาไม่สูงนัก ในกรณีที่ผู้ขายทราบตลาดหลักของตนว่าเป็นกลุ่มลูกค้าจากประเทศอะไรแล้ว อาจทำการคำนวณค่าจัดส่งรวมเข้าไปในราคาสินค้าเลย เพื่อจะช่วยร่นกระบวนการตัดสินใจซื้อของลูกค้าให้สั้นขึ้น สำหรับการตั้งราคาเพื่อจำหน่ายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตนั้น ผู้ขายจะต้องมีการคำนวณต้นทุนให้รอบคอบ หรือความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น การที่ลูกค้าทำรายการซื้อด้วยบัตรเครดิตนั้น ธนาคารจะมีการคิดค่าธรรมเนียม 3% ซึ่งผู้ขายจะต้องนำค่าใช้จ่ายนี้ไปรวมเป็นต้นทุนก่อนตั้งราคาสินค้าด้วย
องค์ประกอบที่ 3 ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place)
      คำกล่าวที่ว่า ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ดูจะเป็นคำพูดที่มีน้ำหนักอยู่เสมอในโลกธุรกิจ เพราะทำเลการค้าที่ดีหลายแห่งจะมีค่าจอง ค่าเซ้งในราคาที่สูงลิบลิ่ว เนื่องจากเป็นที่ต้องการของคู่แข่งหลายราย และทำเลการค้าที่ดีก็มีอยู่จำกัด ทำให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กหลายรายจึงต้องเริ่มธุรกิจด้วยการใช้รถเข็น หรือเปิดแผงลอยย่อยๆ ก่อน ถ้าจะเทียบกับเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การหาทำเลอาจจะเทียบเคียงได้กับการตั้งชื่อร้านค้า ที่ศัพท์ทางอินเทอร์เน็ตเรียกว่า โดเมนเนม (Domain Name) ในทางอินเทอร์เน็ตนั้นไม่มีข้อจำกัดทางกายภาพ ดังนั้นทำเลการค้าทางอินเทอร์เน็ตจึงไม่ได้หมายถึงที่ตั้งของร้าน ร้านค้าอาจใส่ข้อมูลสินค้าบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ที่ประเทศไทย อเมริกา หรือ อินเดีย ได้ โดยลูกค้าไม่ได้สนใจมากนัก และส่วนใหญ่แล้วไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ของร้านค้าอยู่ที่ ประเทศใด แต่ลูกค้าเข้าสู่ร้านค้าโดยจดจำชื่อร้าน เช่น Amazon.com หรือ Hotmail.com ชื่อร้านค้าเหล่านี้เปรียบเสมือนยี่ห้อสินค้า และชื่อเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดบนโลกอินเทอร์เน็ต เช่นเดียวกับทำเลทองย่านการค้า การจดทะเบียนโดเมนเนมจึงควรเลือกชื่อที่จดจำได้ง่าย แต่ส่วนใหญ่ชื่อที่ดี มักจะถูกจดไปหมดแล้ว ในปัจจุบันจึงเกิดธุรกิจซื้อขายเฉพาะชื่อโดเมนเนมเกิดขึ้นอย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยไม่ควรยึดเว็บไซต์เป็นช่องทางการค้าเพียงอย่างเดียว หากมีโอกาสเปิดช่องทางการค้าตามวิธีปกติได้ก็ควรจะทำควบคู่กันไปด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ การมีเว็บไซต์นั้น จะเป็นประโยชน์ต่อการให้ข้อมูลเบื้องต้นแก่ลูกค้าก่อนซื้อ หรือมีการซื้อซ้ำได้ หลังจากที่ลูกค้าได้ซื้อสินค้าจากช่องทางปกติไปทดลองใช้จนพอใจแล้ว
องค์ประกอบที่ 4 การส่งเสริมการขาย (Promotion)
      การส่งเสริมการขายบนเว็บไซต์เป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกับการค้าปกติ โดยรูปแบบมีตั้งแต่การจัดชิงรางวัล การให้ส่วนลดพิเศษในเทศกาลต่างๆ รวมทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าเข้ามาเลือกสินค้าที่เว็บไซต์ นอกจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในสื่อปกติ เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ โทรทัศน์แล้ว ยังมีการโฆษณาด้วยรูปแบบที่เรียกว่าป้ายโฆษณาบนเว็บไซต์ (Banner Advertising) ซึ่งมีลักษณะคล้ายสื่อสิ่งพิมพ์ แต่จะแสดงบนเว็บไซต์อื่น การโฆษณาลักษณะนี้จะคิดค่าใช้จ่ายตามจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณาโดยนับเป็นจำนวน หลักพันครั้ง หรือ CPM ซึ่งมาจากคำว่า Cost Per Thousand Impressions วิธีการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ที่ได้ผลดีอีกวิธีหนึ่งคือ การลงทะเบียนในเว็บไซต์เครื่องมือค้นหา เช่น Yahoo.com, Google.com หรือ การประมูลขายสินค้าในเว็บไซต์ eBay.com นอกจากการประชาสัมพันธ์ด้วยวิธีต่างๆ ให้ลูกค้ารู้จักเว็บไซต์แล้ว บริการหลังการขายก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการที่ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าครั้งหนึ่งนั้น ไม่ได้หมายถึงการที่ผู้ขายจะได้รับเพียงคำสั่งซื้อเดียว หากมีบริการที่ดี เช่น การส่งของแถม หรือคูปองส่วนลดไปพร้อมกับสินค้า จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ และอาจกลับมาซื้อซ้ำ หรืออาจบอกต่อเพื่อนฝูงให้มาใช้บริการร้านออนไลน์ของผู้ขายต่อไปได้
องค์ประกอบที่ 5 การให้บริการแบบเจาะจง (Personalization)
      เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตทำให้เว็บไซต์สามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าแต่ละคนได้ และสามารถให้บริการแบบเจาะจงกับลูกค้าแต่ละรายได้ ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้เคยซื้อหนังสือจากเว็บไซต์ Amazon.com เมื่อเข้ามาที่เว็บไซต์นี้อีกครั้งหนึ่งจะมีข้อความต้อนรับ โดยแสดงชื่อผู้ใช้ขึ้นมา พร้อมรายการหนังสือที่เว็บไซต์แนะนำ ซึ่งเมื่อดูรายละเอียดจะพบว่าเป็นหนังสือในแนวเดียวกับที่เคยซื้อครั้งที่ แล้ว เมื่อผู้ใช้สั่งซื้อหนังสือใด เว็บไซต์ก็จะทำการแนะนำต่อไปว่าผู้ที่สั่งซื้อหนังสือเล่มนี้ มักจะสั่งซื้อสินค้าต่อไปนี้ด้วย พร้อมแสดงรายการหนังสือหรือสินค้าแนะนำ เป็นการสร้างโอกาสการขายตลอด เครื่องคอมพิวเตอร์ของร้านค้าสามารถเก็บข้อมูลการซื้อสินค้าของลูกค้าทุกราย และใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภท Data Mining ทำการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ในการซื้อสินค้า รวมทั้งการเสนอขายสินค้าแบบ Cross Sell ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถพัฒนาไปใช้กับการให้บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ ด้วยระบบ Call Center ได้ด้วย
องค์ประกอบที่ 6 การรักษาความเป็นส่วนตัว (Privacy)
      การซื้อขายผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ซื้อต้องมีการกรอกข้อมูลส่วนตัวของตนส่งไปให้ผู้ขาย ดังนั้น ผู้ขายจะต้องรักษาความลับของข้อมูลเหล่านี้ โดยต้องไม่เผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ของลูกค้าก่อนได้รับอนุญาต ข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ไม่ได้หมายถึงในเรื่องของข้อมูลอันเป็นความลับ เช่น หมายเลขบัตรเครดิตเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงข้อมูลอื่นๆ เช่นที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ดูแลเว็บไซต์จำเป็นต้องสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ว่า ข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกโจรกรรมออกไปได้ โดยผู้ขายจะต้องระบุนโยบายเกี่ยวกับการรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้า หรือ Privacy Policy ให้ชัดเจนบนเว็บไซต์ และปฏิบัติตามกฎนั้นอย่างเคร่งครัด เช่นไม่ส่งโฆษณาไปหาลูกค้าทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาติ ,ไม่นำข้อมูลที่อยู่ของลูกค้าไปขายต่อให้บริษัทการตลาด เป็นต้น
      ทั้งนี้ส่วนผสมทางการตลาดทั้ง 6 องค์ประกอบนี้ ผู้ขายหรือผู้ผลิต ควรมีการวางแผน และสร้างกิจกรรมที่สัมพันธ์กัน ตั้งแต่การเลือกสินค้าที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดกลุ่มเป้าหมาย ในระดับราคาเหมาะสม และมีชื่อโดเมนเนมที่ผู้ซื้อจดจำได้ง่าย สะกดผิดยาก มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ชื่อเว็บไซต์ให้ลูกค้ารู้จัก และมีบริการหลังการขายที่ดีให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ อยากกลับมาใช้บริการอีกครั้ง และต้องรักษาความลับลูกค้าได้ เพียงเท่านี้ การทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้ประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม

ระบบ CMS คือ อะไร


ระบบบริหารจัดการข้อมูลเว็บไซต์ (Content Management System) หรือ CMS เป็นระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการพัฒนา และบริหารจัดการเว็บไซต์ โดยที่ผู้พัฒนา และอัพเดตข้อมูลในระบบไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการพัฒนาเว็บไซต์ หรือเขียนโปรแกรมมาก่อน

ปัจจุบัน CMS ส่วนมากมีรูบแบบเป็น Web-Based Application ที่สามารถทำงานผ่าน Web Browser ได้สะดวกในการใช้งาน สามารถอัพเดตข้อมูลเว็บไซต์ของตนเองได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด และไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมไว้บนเครื่องลูกข่าย ต่างกับการใช้งานเครื่องมือที่ใช้ออกแบบเว็บไซต์ เช่น Adobe Dreamweaver ที่ต้องติดตั้งโปรแกรมไว้บนเครื่องที่จะใช้งานจึงแก้ไขเว็บไซต์ได้ 

CMS ได้รับการพัฒนามาจากหลายภาษา อาทิ JAVA, ASP, PHP เป็นต้น แต่โดยส่วนใหญ่ที่ออกมาจะเป็นภาษา PHP เนื่องจากเป็นเทคโนโลยี Open Source และใช้งานง่ายกว่าโปรแกรมอื่นๆ 

CMS เป็นเว็บไซต์กึ่งสำเร็จรูปมีระบบบริหารจัดการข้อมูลด้านหลัง (Administrator) ที่ง่ายต่อการใช้งานและแก้ไขปรับแต่ง โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม ทำให้สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ขั้นตอนการเช็ค ip address อย่างง่าย

ขั้นตอนการเช็ค ip address อย่างง่าย